ฤดูร้อนได้เข้ามาทักทายประเทศไทยของเราแบบเต็มตัวแล้ว ช่วงบ่ายๆ จะออกเดินทางไหนก็ควรหาหมวก หรือกางร่มบังแดดกันด้วยนะครับ อากาศร้อนๆ แบบนี้ ที่เที่ยวแรกที่ทุกคนต่างพากันคิดถึง คือ “ทะเล” แต่จะเป็นทะเลที่ไหน ใกล้ไกลก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละท่านครับ

สำหรับคู่หูเดินทางฉบับนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปล่องใต้ไปสัมผัสแสงแดด สายลม ท้องฟ้า ท้องทะเล รับร้อนแรกของปีกันที่ เกาะพยาม จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางฝั่งทะเลอันดามัน โดยมีเกาะน้อยใหญ่รายล้อมเพิ่มความสวยงาม ในสมัยก่อนเกาะนี้มีชื่อว่า “เกาะพยายาม” เพราะเวลาจะเดินทางมาเกาะแต่ละทีต้องใช้ความพยายามมาก และเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความเจริญเริ่มมาถึง การเดินทางมายังเกาะก็เริ่มสะดวกสบายมากขึ้น จึงเปลี่ยนชื่อเรียกเกาะให้สั้นลงเป็น “เกาะพยาม” ดังเช่นทุกวันนี้

จังหวัดระนองอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 600 กิโลเมตร หากขับรถมาเองใช้เวลาเดินทางประมาณ 8-9 ชั่วโมง หรือนั่งรถโดยสาร VIP ของ บขส. มาลงที่ท่ารถ และต่อรถสองแถวมายังท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ ซึ่งเป็นท่าเรือสำหรับข้ามไปยังเกาะพยาม

เกาะพยามอยู่ห่างจากฝั่ง 35 กิโลเมตรหากนั่งเรือเมล์ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงมีเรือออกจากฝั่ง 2 รอบเวลา 9.30 และ 14.00 น. ค่าดดยสารท่านละ 200 บาทส่วนเรือสปี๊ดโบ๊ทใช้เวลาเดินทาง 40 นาทีท่านละ 350 บาทในช่วงหน้าท่องเที่ยวจะมีเรือออกจากฝั่งเรื่อยๆแต่ควรโทรสอบถามก่อนเพื่อความสะดวกติดต่อคุณหนุ่ยโทร. 08 2289 0666,08 0611 4614

ที่แรกเมื่อเราข้ามมาถึงเกาะพยาม คือ ท่าเรืออ่าวแม่หม้าย บริเวณนี้จะเป็นจุดรับ-ส่งผู้โดยสารของเกาะ จากนั้นรอรถจากทางรีสอร์ทมารับเข้าที่พักเก็บอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ก่อนครับ ครั้งนี้เราเลือกพักที่ เดอะ บูลสกาย รีสอร์ท เกาะพยาม เป็นรีสอร์ทที่นำเอกลักษณ์ของประเทศมัลดีฟมาเป็นคอนเซ็ปในการก่อสร้าง โดยทำห้องพักให้เป็นวิลล่าส่วนตัว เมื่อยามน้ำขึ้นตัววิลล่าจะตั้งอยู่กลางน้ำใสที่รายล้อมไปด้วยไม้ป่าโกงกางเขียวขจี และนี่จึงเป็นที่มาของคำว่า มัลดีฟ เมืองไทย ที่ทำให้หลายๆ คนอยากมาลองสัมผัส และคงปฎิเสธไม่ได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักชื่อของเกาะพยามมากขึ้น บวกกับทำเลที่ตั้ง สถานที่พัก ร้านอาหาร การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เรียกว่าจัดเต็มครับ เพราะที่นี่เปิดไฟให้ใช้ตลอด 24 ชั่วโมง ห้องพักก็กว้างขวาง ออกแบบตกแต่งได้อย่างสวยงาม สถานที่สะอาดสะอ้าน ในส่วนของร้านอาหารที่อยู่บริเวณด้านหน้าก็ออกแบบตกแต่งสไตล์มัลดีฟริมชายหาด สวยดูดี มองเห็นวิวทะเลแบบเปิดกว้าง 180 องศา ลมพัดเย็นสบาย สามารถนั่งเล่นชิลๆ ได้ทั้งวัน อาหารก็อร่อย ไม่มีขาดตกบกพร่อง ราคาอาจจะค่อนข้างสูงสักหน่อย แต่หากเทียบกับบริการต่างๆ ก็ถือว่าโอเคครับ เค้าเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวทั่วไป ถึงใครไม่ได้มาพักที่นี่ ก็สามารถแวะมารับประทานอาหาร หรือถ่ายรูปสวยๆ กันได้ เพียงแต่ไม่สามารถเดินเข้าไปในโซนที่พักของลูกค้าได้เท่านั้น

ที่นี้จัดโซนมี่พักไว้ 3 โซนครับคือโซนหน้าติดริมทะเลวิลล่าซีวิวเป็นแบบ 2 ชั้นส่วนโซนด้านข้างเป็นวิวป่าโกงกางวิลล่าโซน R และวิลล่าโซน L ต่างกันตรงโซน R มีบันไดให้ลงเล่นน้ำและสามารถพายเรือคายัคมาหน้าที่พักได้ครับกิจกรรมหลักๆของที่นี่คือการมาพักผ่อนจริงๆบางคนอ่านหนังสือบางคนถ่ายรูปอัพเฟสฯอ่านข่าวบนโลกออนไลน์บางคนก็เล่นน้ำซึ่งน้ำทะเลที่หน้าหาดจะใสมากหาดทรายก็สวยหรือบางคนอาจเลือกที่จะเล่นน้ำในบริเวณหน้าห้องพักก็ได้เมื่อถึงเวลาน้ำขึ้นก็ไปพายเรือคายัคเล่นสำรวจป่าโกงกางในบริเวณใกล้ๆหรือพายเรือชมอาณาบริเวณของรีสอร์ตก็ได้ครับมีอุปกรณ์จัดเตรียมไว้ด้านหน้ารีสอร์ตพร้อมที่สำคัญการมาที่นี่ต้องเช็คเวลาน้ำขึ้นน้ำลงด้วยนะครับจะได้จัดสรรเวลาไปเที่ยวตามอ่าวต่างๆรอบเกาะได้ถูก

จริงๆ แล้วที่พักบนเกาะก็มีให้เลือกพักหลายแห่ง หลายสไตล์ ตามอ่าวต่างๆ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ บรรยากาศ และสถานที่ครับ เริ่มตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักหลายพันกันเลย เมื่อเราลงจากท่าเรือเกาะพยามบริเวณนั้นเรียกว่า อ่าวแม่หม้าย ซึ่งเป็นชุมชนใหญ่ของที่นี่ มีทั้งร้านขายของสด ของแห้ง ร้านอาหาร ร้านให้เช่ามอเตอร์ไซด์ ฯลฯ เดอะ บูลสกาย รีสอร์ต จะตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นที่ตั้งของ วัดเกาะพยาม หากสังเกตดีๆ ตั้งแต่เรือเริ่มเข้าใกล้เกาะเราก็จะเห็นเจดีย์สีขาวของวัดตั้งโดดเด่นอยู่กลางทะเลแล้ว

นอกจากนี้แล้ว บนเกาะยังมีอ่าว อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น อ่าวใหญ่ อ่าวนี้เป็นอ่าวที่เงียบสงบ มีที่พักหลายแห่ง และเป็นอ่าวที่มีชายหาดที่ยาวที่สุดบนเกาะ นักท่องเที่ยวที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติที่ชอบความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม สามารถมาตั้งกล้องรอไส้ได้เลย เพราะเวลาพระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า ใช้เวลาแป๊ปเดียว

มาต่อกันที่อีกหนึ่งอ่าวที่เป็นที่นิยมเช่นกัน คือ อ่าวเขาควาย แบ่งเป็นอ่าวเขาควายฝั่งเหนือ และอ่าวเขาควายฝั่งใต้ หากขัยรถมาจากท่าเรือจะถึงอ่าวเขาควายฝั่งใต้ก่อน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ หินทะลุ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้สร้างสรรค์เอาไว้ มีช่องหินที่ถูกน้ำกัดเซาะประหนึ่งกรอบรูปวิวท้องทะเล เมื่อยามน้ำลง มีอยู่ด้วยกันหลายช่อง อ่าวนี้จะมีชายหาดที่ตื้นเขินมากๆ เมื่อเวลาน้ำลงต้องเดินไปไกลกว่าจะถึงน้ำทะเล ส่วนบริเวณอ่าวเขาควายฝั่งเหนือนั้น เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเช่นกัน

สำหรับคนที่รักความสงบ และมีความเป็นโลกส่วนตัวสูงต้องมาพักที่อ่าวนี้ครับ อ่าวกวางปีบ อ่าวนี้พูดได้เลยว่า เป็นอ่าวที่น้ำทะเลใสที่สุด มีเกาะแก่งหินน้อยใหญ่มาช่วยแต่งแต้มให้ดูไม่โล่งจนเกินไป สามารถมานอนอาบแดด หรือนอนอ่านหนังสือ ใช้ชีวิตชิลๆ ใต้ร่มไม้ใบบังได้อย่างสุขสงบมาก แต่หนทางมายังอ่าวนี้ค่อนข้างสมบุกสมบันสักหน่อย เพราะทางขึ้นมาด้านบนก่อนถึงชายหาดจะเป็นทางลาดชัน และถนนดินขรุขระ แต่เมื่อผ่านมันไปได้ ภาพที่เห็นเรียกว่า คุ้มสุดคุ้มครับ แต่หากใครที่ขี่มอเตอร์ไซด์ไม่ค่อยเก่ง แนะนำให้จอดไว้ข้างล่างก่อน แล้วค่อยๆ เดินขึ้นมาเกือบ 700 เมตรครับ ที่พักบริเวณนี้มีที่เดียว คือ อ่าวกวางปีบ รีสอร์ท หากใครสนใจติดต่อ คุณใหม่ ได้ที่โทร. 08 9048 5350

ปิดท้ายกันที่ อ่าวคอกิ่ว อ่าวนี้ทางขึ้น-ลงสูงชันน่าดูครับ ต้องใช้กำลังขาอย่างแรง บริเวณริมอ่าวจะเป็นก้อนหินกลมโดยส่วนใหญ่ มีที่พักอยู่ด้านบนไว้สำหรับนั่งมองวิวกว้างๆ ของท้องทะเล

การเดินทางบนเกาะต้องเช่ามอเตอร์ไซด์เท่านั้นครับเกียร์ธรรมดาคันละ 200 บาท/วันเกียร์ออโต้คันละ 250 บาท/วันเติมน้ำมันเอาเองถ้าเที่ยวรอบเกาะก็ใช้น้ำมันประมาณ 2 ลิตรก็พอครับถนนก็ถือว่าใช้ได้มีบางช่วงที่เป็นดินลูกรังทางขรุขระเอาเรื่องเหมือนกันต้องใช้ความระมัดระวังและความชำนาญในการขับขี่ตลอดเส้นทางเราจะเห็นต้นกาหยูหรือต้นมะม่วงหิมพานต์ส่งกลิ่นหอมเหลืองสุกรอเก็บผลเราไปช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นช่วงผลผลิตออกพอดีบางพื้นที่ก็นิยมปลูกต้นยางการขี่รถเที่ยวบนเกาะจึงไม่ร้อนมากเพราะมีร่มไม้บังแสงพระอาทิตย์เป็นระยะ

เปิดทริปเที่ยวทะเลหน้าร้อนแรกของเราที่ “เกาะพยาม” แห่งนี้ ไม่ผิดหวังครับ เหมือนได้มาชาร์ตแบตฯ เพราะผู้คนไม่คึกคักมากจนเกินไป ได้ใช้ชีวิตอยู่กับตัวเองและธรรมชาติที่บริสุทธิ์ บางครั้งชีวิตคนเราก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมาย เพียงแค่ได้รู้จักตัวเองให้มากขึ้นในวันที่เวลาเดินช้าลงบนเกาะแห่งนี้

การเดินทาง

โดยรถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ ระยะทาง 90 กม. แยกซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ถึงสี่แยกปฐมพร (ชุมพร) เลี้ยวขวาไปจนถึงจังหวัดระนอง รวมระยะทาง 568 กม.

โดยรถประจำทาง

มีรถโดยสารของ บริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) และสถานีขนส่งผู้โดยสารบรมราชชนนี ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. หรือ www.transport.co.th

ค่าเรือข้ามไปเกาะพยาม

• ค่าเรือเมล์ ท่านละ 200 บาท (ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมง

• ค่าเรือสปี๊ดโบ๊ท ท่านละ 350 บาท (ใช้เวลาเดินทาง 40 นาที)

*หากท่านใดขับรถไปเองมีบริการรับฝากรถบริเวณท่าเรือฯ คืนละ 100 บาท

 

 8,907 total views,  1 views today

Comments

Share.

Leave A Reply

Exit mobile version