มุมสุขภาพ
 
 

+ โรคสุดฮอต...สุดฮิตของคนวัยทำงาน

 
 

“กรดไหลย้อน” อีกหนึ่งโรคยอดฮิตของคนวัยทำงานยุคใหม่ ซึ่งเป็นภาวะที่มีน้ำย่อย หรือ กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนตีกลับขึ้นมาที่บริเวณหลอดอาหาร ทำให้เกิดการอักเสบที่บริเวณหลอดอาหาร จึงทำให้เกิดอาการแสบร้อน จุกแน่นบริเวณกลางอก อาจมีอาการไอ มีเสมหะเรื้อรัง เหมือนมีก้อนจุกตรงบริเวณลำคอ หากเป็นอาการเหล่านี้นานๆ เข้าอาจส่งให้เกิดแผลเรื้อรังขึ้นได้ และเสี่ยงต่อการเกิดเลือดออกในทางเดินอาหาร ไปจนถึงเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งหลอดอาหารอีกด้วย หากเรารู้ตัวว่ากำลังมีอาการเหล่านี้อยู่ควรเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อกำจัดปัญหาที่น่ารำคาญใจนี้ออกไป
หากเป็นโรค “กรดไหลย้อน” จะดูแลตัวเองอย่างไรดี
1.พยายามหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว นม ชา กาแฟ ช็อคโกแลต น้ำอัดลม เพราะอาหารเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดการเพิ่มหรือหลั่งของกรด
2.ไม่นอนหลังจากรับประทานอาหารทันที ควรเว้นช่วงเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อย เพราะหลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จน้ำย่อยจะออกมาทำหน้าที่ย่อยอาหาร หากเรานอนน้ำย่อยจะไหลมาถึงบริเวณหลอดอาหาร อาจยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองได้
3.ควรรับประทานอาหารแต่ละครั้งในปริมาณที่น้อย แต่ให้บ่อยครั้งได้
4.หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 
 

 

+เพิ่มการเผาผลาญร่างกายด้วยอาหารกันเถอะ
 

 

หลายคนเมื่ออายุมากขึ้นอาจมีความสงสัยว่า “ทำไมรูปร่างดูอวบอ้วนขึ้น ไม่ฟิตแอนด์เฟิร์มเหมือนแต่ก่อน ทั้งๆ ที่กินไม่เยอะเลยสักนิด” คนเราเมื่ออายุย่างเข้าเลข สาม(สิบ) เมตาโบลิซึ่ม หรือ ระบบการเผาผลาญในร่างกายเริ่มลดถอย ทำงานช้าลง ระบบการเผาผลาญแคลอรี่จึงต่ำลงตามมาจึงส่งผลต่อน้ำหนักที่มีมากขึ้น

แต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถเพิ่มเมตาบอลิซึ่มได้ซะหน่อยนิ เพียงแค่เริ่มจากการรับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นสำคัญ เพราะใน 8-9 ชั่วโมงที่คุณหลับพักผ่อนนั้น ร่างกายจะหิว เมตาบอลิซึ่มจะทำงานอย่างช้าๆ เพื่อรักษาระดับพลังงานในร่างกาย(แคลอรี่) การรับประทานอาหารเช้าจึงเป็นตัวการช่วยกระตุ้นการทำงานของเมตาโบลิซึ่ม

ระหว่างวันควรรับประทานน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง ตัดใจจากขนมปัง ของหวานในมื้อสาย หรือ ช่วงบ่าย เพราะของเหล่านี้จะช่วยคงระดับของน้ำตาลในเลือด การสร้างพลังงานกระตุ้มการทำงานของระบบการเผาผลาญในร่างกายนิ่ง

หมั่นออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ อาจเลือกวิธีการออกกำลังกายที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง กระชับ นั้นหมายถึงแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญออกไป และที่สำคัญการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จะยังช่วยให้ร่างกายยังคงเกิดการเผาผลาญต่อไปอีก 2 ชั่วโมง หลังจากที่เราออกกำลังกายเสร็จ

ในมื้ออาหารมีวิตามินบี 5 เช่น ถั่วลันเตา กะหล่ำปลี มะเขือเทศ อะโวคาโด เห็ด โฮวีต เพราะวิตาวินบี 5 จะช่วยเพิ่มระดับเมตาบอลิซึ่มในร่างกายได้

 

 


 
 

+ ประโยชน์ของ Vitamin B ที่ไม่ควรมองข้าม

 
 

Vitamin B รวม ช่วยเสริมสร้างสารสื่อประสาทสมอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงสมอง ระบบความจำ หรือผู้ที่อยู่ในสภาวะเครียด
Vitamin B1 ช่วยเสริมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตไปใช้เป็นพลังงาน เสริมระบบการทำงานของระบบประสาท หัวใจ ทางเดินทางอาหาร ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา พบได้มากในธัญพืช ข้าวซ้อมมือ ถั่วต่างๆ
Vitamin B2 เกี่ยวข้องกับการหายใจของเซลล์ การบวนการมองเห็น ผิวหนัง เยื่อบุต่างๆ หากขาดจะทำให้เป็นโรคปากนกกระจอก พบได้มากในผักใบเขียว โยเกิร์ต นม ไข่
Vitamin B3 ลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ คอเลสเตอรอลสูง บรรเทาสิวชนิดผื่นแดง พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ จมูกข้าว
Vitamin B5 ลดอาการนอนไม่หลับ บรรเทาอาการข้ออักเสบ พบได้มากในงา อโวคาโด แอพริคอตแห้ง
Vitamin B6 ช่วยสร้างภูมิต้านทานและเซลล์เม็ดเลือด รวมทั้งบรรเทาอาการทางระบบประสาท รักษาสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ หากขาดจะมีอาการอ่อนเพลีย ชาปลายมือ-เท้า พบได้มากในปลา เนื้อสัตว์ ยีนส์
Vitamin B12 ช่วยสร้างเม็ดเลือด  การทำงานของระบบประสาทส่วนกลาง ช่วยในการดูดซึมของอาหาร พบได้มากในเนย เนื้อสัตว์



 

 

+4 tips ง่ายๆ bye-bye อาการปวดประจำเดือน

 

1.ทำจิตใจให้เบิกบาน คลายความตรึงเครียด มองโลกในแง่ดี ทำอารมณ์ให้สดชื่นแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้จะช่วยปรับระบบฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุลขึ้น
2.ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ ขิงมีคุณสมบุติช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้ และทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น
3.ในระหว่างวันให้เพิ่มมื้ออาหารเล็กๆ เพราะผู้หญิงทั้งก่อนและระหว่างมีประจำเดือนนั้นมักรู้สึกต้องการของหวาน ควรเลือกเป็นพวกผลไม้ แซนวิชโฮวีท แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง ไขมันสูง เช่น เค้ก ขนมหวาน น้ำตาลทรายขัดขาวเพราะอาจส่งผลให้เกิดอาการท้องอืดได้
4.หมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการไม่สบายเนื้อสบายตัว ลดอาการปวดท้องประจำเดือนหรืออาจช่วยไม่ให้ปวดท้องประจำเดือนเลยก็เป็นได้
4 วิธีง่ายๆ แค่นี้ก็ช่วยให้สาวๆ ไม่ต้องหงุดหงิดกับอาการปวดท้องประจำเดือนในทุกๆ เดือนอีกต่อไป

 

 
 


 
 
 

Copyright © นิตยสารคู่หูเดินทาง / MJ Media Company Limited