+ หลากข้อสงสัยเกี่ยวกับแอลกอฮอล์และผลกระทบ

• ดื่มเหล้าทำให้แก่เร็วหรือเปล่า
  แม้จะยังไม่มีผลการวิจัยถึงความสัมพันธ์ระหว่างความชรากับการดื่มแอลกอฮอล์ที่ชัดเจน แต่สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งสหราชอาณาจักรก็แนะว่า แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ซึ่งแปลว่ามันจะเร่งการขับน้ำออกจากร่างกาย รวมถึงผิวซึ่งเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายอีกด้วย ยิ่งคุณดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าใด ร่างกายก็ยิ่งขาดน้ำมากขึ้นเท่านั้น คุณจึงควรดื่มน้ำมากๆ หลังดื่มเหล้า เพื่อให้ร่างกายและผิวหนังชุ่มชื้นเพียงพอตลอดเวลา นอกจากนี้แอลกอฮอล์ยังทำให้เส้นเลือดฝอยในชั้นผิวหนังขยายตัว ผิวของคุณจึงดูแดง และ ‘มีเลือดฝาด’ คนที่หน้าแดงง่ายอยู่แล้วอาจรู้สึกว่ายิ่งหน้าแดงได้ง่ายขึ้นหลังดื่มแอลกอฮอล์ ต่อให้ไม่ค่อยได้ดื่มก็ตาม การหน้าแดงบ่อยๆ เพราะสาเหตุนี้อาจทำให้เกิดเส้นเลือดขอดได้ในที่สุด

• แอลกอฮอล์ทำให้อ้วนหรือเปล่า
  จากงานวิจัยพบว่าผู้ที่ดื่มแต่พอดี ซึ่งหมายถึงดื่มไวน์วันละ 1 แก้ว และอาจจะมากกว่านั้นบ้างนานๆ ที ไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะเป็นเป็นโรคอ้วนมากกว่าผู้ที่ไม่ดื่มเลย แต่ถ้าดื่มหนักขึ้นมาล่ะก็ คนละเรื่องเลยครับ นักดื่มช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งหมายถึงคนที่งดเหล้าไวน์ตั้งแต่จันทร์ - ศุกร์ แต่ดื่มเสียวันละขวดในวันเสาร์-อาทิตย์ มีโอกาสที่จะน้ำหนักขึ้น และป่วยเป็นโรคอ้วนได้มากกว่า
  
• แล้วความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมล่ะ
  การดื่มไวน์เกินวันละ 1 แก้ว เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้จริง  มูลนิธิ Cancer Research UK ก็ยืนยันเช่นกัน การทบทวนงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ 2 ชิ้น และการศึกษา Million Women พบว่าอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น 7-12% ต่อทุกยูนิตของแอลกอฮอล์ที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การมีบุตร 1 หรือ 2 คน ต่อให้คุณมีประวัติการป่วยเป็นมะเร็งเต้านมในครอบครัว ก็ยังไม่ต้องกังวล การดื่มไวน์วันละแก้วไม่ทำให้ความเสี่ยงของคุณเพิ่มขึ้น แม้คุณจะมียีนมะเร็งเต้านมอยู่ในตัวก็ตาม งานวิจัยยีน BRCA1 และ BRCA2 เมื่อไม่นานมานี้พบว่าผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์แต่พอดีไม่ได้มีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมไปมากกว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ดื่มเลย การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ออกกำลังกายเป็นประจำ และดื่มแอลกอฮอล์แค่วันละ 1 หรือ 2 ยูนิต จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมได้
• ฮอร์โมนของฉันได้รับผลกระทบไหม
  ระดับฮอร์โมนของผู้ดื่มไวน์แต่พอดีจะสูงกว่าปกติเล็กน้อย และอาจทำให้ประจำเดือนหมดช้าลงได้ถึง 2 ปีทีเดียว ในขณะที่ร่างกายของผู้ดื่มหนักจะชินต่อแอลกอฮอล์จนไม่เกิดผลใดๆ การดื่มนิดๆ หน่อยๆ หรือปานกลางจะช่วยให้ร่างกายไวต่ออินซูลินยิ่งขึ้น มันจึงทำงานได้ดีขึ้น และโอกาสที่คุณจะป่วยเป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ก็จะลดลง อย่างไรก็ตาม งานวิจัยที่แสดงผลเหล่านี้ยังบอกด้วยว่าประโยชน์ของแอลกอฮอล์จะลดลงอย่างรวดเร็วหากปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น
• ผู้หญิงไวต่อแอลกอฮอล์มากกว่าผู้ชายหรือเปล่า
  นอกจากผู้หญิงส่วนใหญ่จะตัวเล็กกว่าผู้ชายแล้ว อัตราส่วนของไขมันต่อน้ำในร่างกายที่มากกว่า ยังทำให้แอลกอฮอล์ในร่างกายเราเข้มข้นกว่าผู้ชายแม้จะดื่มในปริมาณที่เท่ากันอีกด้วย นอกจากนี้ตับของผู้หญิงยังผลิตเอนไซม์สลายแอลกอฮอล์ที่มีชื่อว่าแอลกอฮอล์ดีไฮจีเนส (Alcohol Dehygenase) ได้น้อยกว่า ผู้หญิงเราจึงมีโอกาสจะได้รับพิษภัยจากแอลกอฮอล์กันมากกว่า หลักฐานที่เห็นชัดๆ ก็คือผู้หญิงที่ดื่มหนักจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคตับแข็ง และตับอักเสบมากกว่าผู้ชายที่ดื่มหนักพอกัน แม้ผู้ชายจะดื่มหนักมานานกว่าก็ตาม

+ เมื่ออาหารเป็นพิษทำอย่างไรดี

เคยไหมระหว่างเดินทาง เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน ปวดท้อง อาเจียน จนกระทั่งอาจมีอาการปวดศีรษะและปวดเมื่อยตามเนื้อตัวตามมา ทั้งหมดที่ว่ามานี้คืออาการของอาหารเป็นพิษ ซึ่ง  "อาหารเป็นพิษ" คือ อาการท้องเดินเนื่องจากการกินอาหารที่มีสารพิษปนเปื้อนเข้าไปอาจเป็นสารพิษที่มาจากเชื้อโรค สารเคมี หรือพืชพิษ รวมถึงอาหารที่ปรุงสุกๆ ดิบๆ จากเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ อาหารกระป๋อง อาหารทะเล หรืออาหารค้างคืนที่ไม่ได้อุ่นก็ทำให้เป็นโรคนี้ได้เช่นกัน โดยจะเกิดอาการท้องร่วง คลื่นไส้ และอาการปวดท้องอันเนื่องมาจากเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของลำไส้ อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัวตามมาด้วย แต่ถ้าคุณมีอาการท้องเสียมากๆ ร่างกายจะเกิดอาการขาดน้ำและเกลือแร่ บางคนอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นเนื่องจากมีการติดเชื้อและเกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ ของร่างกาย และเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสโลหิตก็ทำให้เกิดโลหิตเป็นพิษได้ แต่ถ้าพิษนั้นเกิดจากสารเคมีหรือพืชพิษบางชนิดจะมีผลต่อระบบประสาท เช่น ชัก หมดสติ และร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย

เมื่อเกิดอาการอาหารเป็นพิษควรทำอย่างไร

- ถ้าคุณท้องเสียมากเกินไปควรดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำของร่างกาย
- ถ้ามีอาการทางระบบประสาท (เช่น ชัก หมดสติ) หรือสงสัยว่าจะเกิดจากยาฆ่าแมลงหรือสารพิษอื่นๆ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน
- ถ้าท้องเสีย อย่ากินยาหยุดถ่ายนะคะ อาการท้องร่วงส่วนใหญ่มักจะหายได้เองเพราะการขับถ่ายเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่จะต้องขับของเสียออกจากร่างกายอยู่แล้วค่ะ

วิธีรับมืออาหารเป็นพิษ

1. หมั่นล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงและกินอาหาร
2. ดื่มน้ำสะอาดหรือน้ำต้มสุกทุกครั้ง
3. อย่าเสียดายอาหารที่เหลือจากเมื่อวานเลยค่ะ ยิ่งเป็นพวกที่มีกะทิด้วยแล้วยิ่งเสียง่ายมาก
4. ล้างผักและผลไม้ด้วยน้ำไหล ถ้าแช่ด่างทับทิมได้จะดีมาก (ควรแช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง)
5. ไม่ควรทิ้งเนื้อสดๆ ไว้นอกตู้เย็น เพราะอุณหภูมิที่ร้อนจะเร่งให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว