จังหวัดพังงาเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายหลายแนว โดดเด่นด้วยเกาะแก่งน้อยใหญ่ในทะเลฝั่งอันดามันซึ่งมีมากกว่า 100 เกาะ นับว่ามากที่สุดในประเทศไทย เอ่ยขึ้นมาแต่ละแห่งเป็นต้องร้องอ๋อ.. อย่างอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ และอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา เป็นต้น
วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาเที่ยวทริปสั้นๆ แบบ One Day Trip ล่องเรือชมเกาะแก่งน้อยใหญ่ที่อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มุ่งหน้าสู่เขาตาปู หนึ่งในฉากภาพยนตร์ดังเรื่องเจมส์ บอนด์ เขาพิงกัน ใและเกาะปันหยี หมู่บ้านไร้แผ่นดิน ชมวิถีชีวิตชุมชนกลางอ่าวใหญ่บนพื้นที่เพียง 1 ไร่เศษ
อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 400 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์คงสภาพธรรมชาติดั้งเดิมอยู่มาก เป็นป่าชายเลนกว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทยในปัจจุบัน เขตอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงานับตั้งแต่เขตอำเภอเมืองพังงา เลียบตามชายฝั่งจนถึงเขตอำเภอตะกั่วทุ่ง และบริเวณพื้นน้ำในทะเลอันดามัน ซึ่งมีพื้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาตเฒ่า เกาะโบยน้อย เกาะโบยใหญ่ เกาะรายาหริ่ง เกาะพนัก เกาะห้อง เกาะปันหยี เขาพิงกัน เป็นต้น
การเดินทางครั้งนี้เราเริ่มต้นที่ท่าเรือท่าด่านศุลกากร ตั้งอยู่ในอำเภอตะกั่วทุ่ง อยู่เลยจากที่ทำการอุทยานฯ มาเล็กน้อย มีที่จอดรถพร้อมสำหรับท่านที่เดินทางมาลงเรือเอง อัตราค่าบริการขึ้นอยู่กับจำนวนผู้โดยสารและขนาดของเรือ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่ว่าท่านจะแวะเที่ยวชมแต่ละสถานที่นานแค่ไหน
เมื่อทุกคนในทริปจัดแจงแบ่งที่นั่งและใส่เสื้อชูชีพกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรือก็จะเริ่มแล่นออกจากท่ามุ่งหน้าสู่เขาตาปูเป้าหมายแรกก่อนที่ขากลับจะแวะมาที่เกาะปันหยี หมู่บ้านกลางทะเล เพราะเราเริ่มออกจากฝั่งประมาณเกือบเที่ยงและถ้าไปถึงที่เขาตาปูช้า จะจอดเรือลำบากเพราะเป็นช่วงน้ำลด
ระหว่างทางเราจะได้พบกับหมู่เกาะแก่ง เนินทราย หน้าผา โขดหินปูนต่างๆ ที่เกิดจาการกัดเซาะ และกระแสน้ำขึ้นน้ำลง รูปร่างแปลกตาตามแต่จะจินตนาการ และสีของน้ำทะเลที่นี่จะไม่ใสมาก จะออกสีฟ้าเขียวๆ เพราะพื้นทะเลส่วนใหญ่จะเป็นดินโคลน — มองวิวไป ถ่ายรูปไปสักพักใหญ่เราก็จะมากลุ่มเรือพายแคนนูขนาดใหญ่ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวลำละ 2-3 คน พร้อมฝีพาย จุดนี้เรียกว่า “ถ้ำลอด” ซึ่งได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก เป็นกิจกรรมนั่งเรือแคนนูพายผ่านถ้ำขนาดใหญ่ ชมหินงอกหินย้อยที่สวยงามระยะทางประมาณ 50 เมตร คนเยอะมาก การจราจรติดขัด ต้องค่อยๆ ชะลอเรือแล่นผ่านเพื่อไม่ให้เกิดคลื่นไปกระทบกับเรือแคนนูมากนัก เมื่อผ่านจุดนี้ไปไม่นานเราก็ถึงที่หมายแรกแล้ว “เขาตาปู และเขาพิงกัน”

เขาตาปูหรือเกาะตะปู เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลังจากที่ภาพยนตร์ดังเรื่อง เจมส์ บอนด์ ตอนเพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun) โดยมี โรเจอร์ มัวร์ รับบทเป็น เจมส์ บอนด์ ใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นฉากในภาพยนตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2517 หรือประมาณเมื่อ 42 ปีที่แล้ว ทำให้เขาตาปูในอ่าวพังงาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในชื่อของ “เกาะเจมส์บอนด์” (James Bond Island)
 “เขาตาปู” มีลักษณะเป็นเขาหินปูนลูกโดดที่มีฐานคอดกิ่วเหมือนตะปูขนาดยักษ์ที่ปักลงในท้องทะเลบริเวณปากอ่าวพังงา รูปร่างที่คล้ายตะปูนี้ มีศัพท์เฉพาะทางธรณีวิทยาว่า เกาะหินโด่ง (Stack) ทางอุทยานฯ ไม่อนุญาตให้นำเรือไปจอดเขาใกล้กับเขาตะปู เพราะด้วยอายุที่หลายล้านปี และการกัดเซาะจากน้ำทะเล และสัตว์ทะเลบางชนิดที่ยึดฐานเขาตาปูเป็นแหล่งที่พักอาศัย ทำให้ฐานของเขาตาปูมีขนาดที่เล็กกว่าด้านบนมาก อาจเกิดอันตรายได้ จึงให้นำเรือไปจอดที่ทางด้านเหนือในเวิ้งอ่าวของเกาะเขาพิงกัน ซึ่งประกอบด้วย เกาะสองเกาะที่เชื่อมต่อกันด้วยสันดอนเชื่อมเกาะ ทางด้านทิศตะวันตก เรียกว่า “เขาพิงกัน” ซึ่งเกิดจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก คือภูเขาแตกออกจากกันเป็นแนวตัดตรง 2 ส่วนและทรุดตัวต่ำลง ส่วนฐานเคลื่อนออกจากแนวเดิมเล็กน้อยเป็นเหตุให้แท่งหินซีกที่แตกออกตั้งเอียงพิงภูเขาลูกเดิม จึงได้ชื่อว่า “เขาพิงกัน” บริเวณสันดอนเชื่อมเกาะพิงกันนี้จะเป็นหาดทรายขาว ซึ่งเป็นแหล่งขายของที่ระลึก จุดจอดเรือ และเป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวชมเขาพิงกันและเขาตาปู โดยเสียค่าบริการเข้าชมให้กับทางอุทยานฯ ท่านละ 30 บาท สำหรับคนไทย และ 300 บาท สำหรับชาวต่างขาติ

เมื่อหามุมสวยๆ ถ่ายรูป หลบภาพถ่ายติดเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวกันได้แล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางวนกลับไปยังหมู่บ้านกลางทะเล “เกาะปันหยี” กันต่อ
เกาะนี้มีลักษณะโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล ด้วยหลังคามัสยิดสีเหลืองทองประจำชุมชน “เกาะปันหยี” เป็นเกาะขนาดเล็กกลางอ่าวพังงา มีพื้นที่ราบประมาณ 1 ไร่เศษ การสร้างบ้านเรือนจะใช้เสาตอกลงไปในน้ำทะเลและยึดต่อๆ กันออกไปเรื่อยๆ ให้สูงกว่าการขึ้น-ลงของน้ำทะเล ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีอาชีพทำการประมงน้ำตื้นแบบดั้งเดิม โดยทำประมงอวนลอย โป๊ะ เลี้ยงหอยแครง และเลี้ยงปลากระชัง บนเกาะจะมีโรงเรียน 1 แห่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเกาะ สีสันสวยสดใจบาดตาบาดใจยิ่งนัก ถ้ามาแล้วไม่ได้ถ่ายรูปที่โรงเรียนถือว่าพลาดรูปสวยๆ กันเลย และอีกหนึ่งจุดไฮไลท์ก็คือ สนามฟุตบอลลอยน้ำ ของชุมชนที่สร้างไว้เพื่อให้เด็กๆ ได้มีสถานที่เล่นฟุตบอลออกกำลังกายเหมือนกับเด็กบนฝั่ง แม้จะอาศัยอยู่กลางทะเลก็ตาม
ระหว่างทางกลับจากเกาะปันหยีมุ่งหน้ามาที่ท่าเรือฯ พี่คนขับเรือชะลอเรือแวะให้เราดูรูปภาพสีโบราณที่ “เขาเขียน” มีภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งกรมศิลปากรได้ทำการสำรวจศึกษาพบว่าภาพเขียนสีเหล่านี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี โดยภายในภาพเขียนจะมีรูปสัตว์ชนิดต่างๆ และรูปเรือ
ผ่านไปสี่ชั่วโมงกว่าๆ ทุกคนกลับมาถึงท่าเรือโดยสวัสดิภาพ จบทริปสั้นๆ ชมวิวคลายร้อนรับลมเย็นกลางทะเลอ่าวพังงากันแล้ว…  ฉบับหน้าเราจะพาคุณผู้อ่านไปเที่ยวที่ไหน—รอติดตามนะคะ

การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 4) ไปจนถึงจังหวัดพังงา ระยะทางประมาณ 850 กิโลเมตร (11 ชั่วโมง) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4144 ประมาณ 8 กม.จะถึงท่าเรือท่าด่านศุลกากรเพื่อขึ้นเรือไปเกาะปันหยี
รถโดยสารประจำทาง
มีรถโดยสารประจำทางของ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เส้นทางกรุงเทพฯ – พังงา ออกทุกวัน ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (ถนนบรมราชชนนี) สอบถามรายละเอียดและตารางเวลาเดินรถได้ที่ Call Center  1490 เรียก บขส. หรือ www.transport.co.th

 

 

 

 4,717 total views,  3 views today

Comments

Share.

Comments are closed.

Exit mobile version