ต้นฤดูฝนแบบนี้ ถ้าใครยังไม่มีแพลนไปไหน ลองตีตั๋วไปเที่ยว เขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) ที่อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือที่รู้จักกันในนาม กุ้ยหลินเมืองไทย กันดูนะคะ สวย สุข สนุก มันส์ไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ Let’s Go!

คำขวัญประจำอำเภอบ้านตาขุน
ภูเขาสูง เขื่อนสวย รวยผลไม้ ไร้อาชญากรรม คุณธรรมล้ำเลิศ แหล่งกำเนิดศาสนา

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาสก หรือ เขื่อนรัชชประภา ในช่วงปลายฝนต้นหนาวเพราะบรรยากาศและทัศนียภาพจะสวยมากๆ แต่การทัวร์ของเราครั้งนี้อยู่ในช่วงต้นฤดูฝนและเป็นการเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ ที่ไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด หากแต่ได้หลบร้อนในเมืองกรุงไปรับลมและไอเย็นจากละอองฝน ชิลสุดๆ พูดเลย!

ที่ตั้งของ อุทยานแห่งชาติเขาสก หรือ เขื่อนรัชชประภา (เชี่ยวหลาน) อยู่ที่ อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 730 กิโลเมตร หากขับรถมาเองใช้เวลาเดินทางประมาณ 9-10 ชั่วโมง หรือนั่งรถโดยสาร VIP ของ บขส. มาลงที่ท่ารถ และต่อรถโดยสารหรือขับรถส่วนตัวตรงดิ่งไปยังอำเภอบ้านตาขุน ซึ่งก่อนจะถึงตัวอำเภอบ้านตาขุนจะมีป้ายใหญ่ของเขื่อนรัชชประภา(เขื่อนเชี่ยวหลาน) อยู่ทางขวามือ มีค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน สำหรับคนไทยอยู่ที่ 40 บาท และชาวต่างชาติ 300 บาท จากนั้นตรงไปยังท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลบ้านเชี่ยวหลาน เพื่อไปชมความงามของเขื่อนรัชชประภา และนอนพักเอนกายที่แพของทางอุทยานซึ่งจัดไว้รองรับนักท่องเที่ยวในเขื่อนมีทั้งหมด 16 แห่ง เป็นของทางอุทยาน 4 แห่ง นอกนั้นเป็นของทางเอกชน แพที่นี่ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 700 – 20,000 บาท ใครสะดวกแบบไหน มีงบในกระเป๋าเท่าไหร่จัดไปตามใจชอบ

การเดินทางโดยนั่งเรือหางยาว(แบบเหมาลำ) เพื่อเข้าพักที่แพและเที่ยวชมธรรมชาติในเขื่อนรัชชประภาใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ค่าโดยสารแบบเหมาลำครั้งนี้อยู่ที่ 2,800 บาท ส่วนอัตราค่าเรือโดยสารประเภทอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ส่วนกลางของเทศบาลและอุทยานแห่งชาติเขาสก  www.chiewlarn.go.th

สำหรับการเดินทาง 2 วัน 1 คืนในครั้งนี้ เราเลือกพักที่ แพภูผาวารี ดิมชื่อว่า แพรจันฉาย พอดีอุทยานฯ ขยายพื้นที่เพิ่มจากเดิม 360 ตารางเมตร เพิ่มเป็น 2,000 ตารางเมตร เลยได้สร้างห้องพักใหม่เพิ่มมา 15 ห้อง แล้วทำเรื่องแจ้งทางอุทยานขอเปลี่ยนชื่อมาเป็น “แพภูผาวารี” การตกแต่งของที่นี่จะเป็นสไตล์โมเดิร์น รวมอาหารบริการ 3 มื้อ มีพัดลม และห้องน้ำในตัว โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ข้อดีของการพักที่แพในเขื่อนก็คือไม่มียุง ฉะนั้นหากใครอยากเปิดประตูรับลมแทนการเปิดพัดลมก็สามารถทำได้สบายๆ แต่ข้อเสียคือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สาวกที่ชอบท่องโลกโซเชียลหากตัดสินใจมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาสกก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ด้วยนะคะ (ถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ก่อน เอาไว้ตอนขึ้นฝั่งค่อยอัพโหลดลงเฟสบุ๊คให้คนอิจฉาก็ยังทันนะ อิอิ) ส่วนไฟฟ้าที่นี่จะเปิดให้ใช้ตั้งแต่เวลา 18.00 – 08.00 น. สำหรับการบริการสุดพิเศษของแพภูผาวารีตั้งแต่มาถึงเราได้ “พี่วิทย์-วิทยา ถาพร” ประธานชมรมเรือท่องเที่ยวเขื่อนรัชชประภา และ พี่เจษ คอยดูแลขับเรือรับ-ส่งถึงแพที่พัก จากนั้นก็พาล่องเรือชมธรรมชาติ ท่ามกลางสายฝน ก็สวยงามไปอีกแบบค่ะ

และสำหรับกิจกรรมที่ขอ recommend มาแล้วห้ามพลาดคือ เล่นน้ำ พายเรือคายัค ล่องเรือดูสัตว์ป่าสงวนที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน เช่น เก้งหม้อ เลียงผา สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน หรือแม้แต่ ค่างแว่น นกเหงือก ก็มีให้ชม การล่องเรือจะเริ่มล่องดูสัตว์ที่ต้นน้ำของเขื่อน เพราะต้นน้ำเขื่อนจะเป็นแนวป่าอุดมสมบูรณ์ที่มีสัตว์ชุกชมติดเขตจังหวัดระนองกับจังหวัดพังงา หลังจากดูสัตว์เสร็จเรียบร้อย พี่วิทย์ และ พี่เจษ ก็พาเรานั่งเรือชมวิวในเขื่อนรัชชประภา หยุดถ่ายรูปที่จุด View Point ยอดฮิตที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปเช็คอินที่บริเวณเขาสามเกลอ ที่มีลักษณะเป็นเทือกเขาหินปูนตั้งตระหง่านเหนือผืนน้ำ โดยเขาหนึ่งในสามลูกมีลักษณะคล้ายคนยืนยิ้มอยู่บนยอดบนสุด จากนั้นล่องเรือไปชมถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินป่าทะลุถ้ำประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อแวะชมถ้ำปะการัง แล้วล่องแพทะลุถ้ำไปชมความงามของหินงอกหินย้อย

ก่อนจะลองเปลี่ยนอารมณ์ขึ้นเขา ภูเขากูหลาบ ซึ่ง กู หมายถึง ตัวเรา ส่วน หลาบ หมายถึง เข็ดหลาบ เพราะเส้นทางการเดินขึ้นไปชมวิวค่อนข้างลำบาก มีตัวทากคอยก่อกวนอยู่เป็นระยะ ต้องเดินเท้าขึ้นไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ไป-กลับใช้เวลาเดินทางถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งหากขึ้นไปถึงจุดชมวิวสูงสุดที่มีชื่อว่า จุดชมวิวไกรสร เราจะสามารถเห็นความสวยงามของธรรมชาติในเขื่อนได้แบบ360 องศา สวยคุ้มค่า ถ่ายรูปออกมายังไม่เท่าที่ตาเห็นเลยจริงๆ ส่วนไฮไลท์ที่ถือเป็น Unseen ของเขื่อนรัชชประภา ที่เราภูมิใจนำเสนอสุดๆ ก็คือ ถ้ำพระ ที่อยู่บริเวณเขาถ้ำจันทร์ ขอบอกว่ามาเขื่อนที่ได้ชื่อว่าเป็น กุ้ยหลินเมืองไทย ทั้งที ต้องห้ามพลาดมาแวะชม

ใครที่อยากมาพักผ่อนหย่อนเท้าให้ชุ่มฉ่ำน้ำที่เขื่อนรัชชประภา สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสกได้ที่เบอร์ 077 310 980 หรือสอบถามข้อมูลที่ท่าเรือกับ กำนันตำบลเขาวง คุณบรรลือศักดิ์  วิเชียรวงศ์ โทร. 08 1893 8059 และสำรองที่พักวิวดีๆ อย่างเราได้ที่ facebook/Phuphawaree

หลังจากล่องเรือเที่ยวเขื่อนจนเต็มอิ่ม ก็ถึงเวลากลับขึ้นฝั่งเพื่อซื้อของฝากของดีในชุมชนอย่าง ปลาส้มตัวใหญ่จากเขื่อน รสชาติเปรี้ยวกำลังดี ต่อด้วยชิมสะตอสดๆ หรือจะซื้อทุเรียนบ้าน ที่หาทานได้เฉพาะที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเท่านั้น แม้ลูกจะเล็กแต่กว่าจะเก็บมาขายได้ต้องรอเวลาให้หล่นจากต้นจึงจะถือว่าสุกใช้ได้ ที่สำคัญราคาถูกแสนถูก บางเจ้าขายเพียง 10 ลูก 100 บาทเท่านั้น รสชาติหวาน มันกำลังดี โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคมผลไม้จะเรียงรายออกผลมาให้ชิมกันเพียบ อาทิ มังคุด เงาะ ฯลฯ ฉะนั้นหากคนรักผลไม้มาเที่ยวเชี่ยวหลานช่วงนี้รับรองแฮปปี้สุดๆ หรือจะแวะซื้อผ้าทอมือเพื่อสนับสนุนกลุ่มแม่บ้านในโครงการของพระนางเจ้าสิริกิติ์ จากนั้นไปดูแหล่งปลูกขมิ้นที่ดีที่สุดในโลก และแปรรูปขมิ้นอบแห้ง ขมิ้นผง ขมิ้นแคปซูล ที่หมู่ที่ 5 ตำบลเขาวง อำเภอบ้านตาขุน ส่วนขมิ้นสดบางส่วนจะส่งออกให้กับประเทศจีน สำหรับใครสนใจสั่งผลิตภัณฑ์หรือศึกษาดูงานติดต่อ ได้ที่คุณวินัย โทร. 08 9971 6318

สุดท้ายก่อนกลับแวะสักการะ อนุสาวรีย์พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ที่จุดชมวิวบนเขื่อน และไหว้พระที่ วัดไกรสร ซึ่งเดิมเป็นวัดที่อยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขื่อน แต่ปัจจุบันได้อพยพทั้งวัดมาตั้งบนฝั่งเพื่อให้ชาวบ้านได้มาทำบุญ ส่วนอีกวัดดัง วัดเขาเทพ ชาวบ้านจะรู้จักกันดีเพราะเป็นวัดเก่าแก่กว่าร้อยปี อยู่ตรงสะพานแขวนเลยตาขุน ปิดทริปธรรมชาติด้วยความเป็นสิริมงคลก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย

อ่านจบแล้วอย่ามัวรอช้า รีบแพ็กกระเป๋าไปตามรอย ที่อุทยานแห่งชาติเขาสก เขื่อนรัชชประภา กันโลด..ด..ด

การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ไปจนถึงจังหวัดชุมพรจากนั้นตรงไปตามทางหลวงหมายเลข 41 จนถึง อ.พุนพิน ตรงสี่แยกที่สามารถเข้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้ไม่ต้องเข้าตัวจังหวัด ให้ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกท่าโรงช้าง ให้เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 401 จากนั้นประมาณ 40 กม. ก่อนจะถึงตัว อ.บ้านตาขุนจะเห็นป้ายเขื่อนรัชชะประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) ทางด้านขวามือ
รถโดยสารสาธารณะ
มีรถโดยสารของ บริษัท ขนส่ง จำกัด ออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) และสถานีขนส่งผู้โดยสารบรมราชชนนี ทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1490 เรียก บขส. หรือ www.transport.co.th

 7,707 total views,  1 views today

Comments

Share.

Comments are closed.

Exit mobile version