มุมสุขภาพ
 
 

+ เตรียมสุขภาพดีรับปีใหม่ 2012

 
 

เรียนและทำงานกันมาไม่นานเผลอแป๊บเดียวจะหมดไปอีกหนึ่งปีแล้ว ช่วงใกล้สิ้นปีที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ความรีบเร่งเพราะงานมากมายที่ต้องรีบเคลียร์ ปัญหาหนี้สินที่ต้องทำให้บรรเทาเบาบางหรือหมดไปทำให้เครียดมากกว่าปกติ งานปาร์ตี้สังสรรค์พร้อมกิจกรรมเพื่อสังคมร้อยแปด ทั้งหมดนี้อาจทำให้คุณละเลยการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง ลองกลับมาสร้างภูมิคุ้มกันร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงพร้อมตะลุยปี 2012 กันดีกว่า 
     วิธีที่จะทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีนั้นอันที่จริงไม่ใช่เรื่องยาก หลักง่ายๆ ก็แค่เพียง ควบคุมน้ำหนัก ไม่สูบบุหรี่ ไม่บริโภคอาหารรสเค็มจัดเผ็ดจัด อาหารที่มีไขมันอิ่มตัวมากเกินไป ลดปริมาณแอลกอฮอล์ให้น้อยลง และพยายามหัวเราะให้ได้ทุกวัน หางานอดิเรกที่คุณสนใจทำเพื่อเป็นการคลายเครียดและเปิดสังคมใหม่ให้ศึกษาเรียนรู้ ที่สำคัญลองปรับและเพิ่มการดูแลร่างกายด้วย 7 วิธีเหล่านี้ดู  
1. เสริมความแข็งแกร่งด้วยวิตามิน
เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกายในแต่ละวัน เราจำเป็นต้องกินวิตามินเอ ซีลีเนียม วิตามิซี ธาตุเหล็ก สังกะสี และโอเมก้า 3 แนะนำให้รับประทานอาหารจำพวกนม แครอต และปลาทะเลน้ำลึกที่อุดมด้วยวิตามินเอ ส่วนซีลีเนียมพบมากในปลา วิตามินซีมีมากในผลไม้ตระกูลส้มและสตรอว์เบอร์รี่ ธาตุเหล็กมีมากในเนื้อแดง ถั่ว และผักใบเขียว สังกะสีพบมากในอาหารทะเล ไข่ และเนื้อวัว โอเมก้า 3 หาได้ในปลาทะเลน้ำลึก และควรบริโภคสัปดาห์ละประมาณ 2 ส่วน หรือกินน้ำมันตับปลาค็อด วันละ 1 ช้อนชา (หรือ 1 แคปซูล)
2. นอนหลับให้เพียงพอ
ถ้าร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ จะลดลง การนอนต่ำกว่าวันละ 7 ชั่วโมงในเวลากลางคืนทำให้เสี่ยงต่อการเป็นหวัดมากขึ้นเมื่อเทียบกันคนที่นอนวันละ 8 ชั่วโมงในเวลากลางคืนหรือมากกว่า
3. ออกกำลังกาย
จากการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้ที่ออกกำลังกายมักเป็นหวัดน้อยกว่าและรุนแรงน้อยกว่า  การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทั่วร่างกายเพิ่มจำนวนขึ้น ถึงแม้ระดับของเซลล์เหล่านี้จะลดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเพื่อต่อต้านไวรัสและแบคทีเรีย จึงทำให้ลดความรุนแรงของการติดเชื้อได้
4. กินปลามากขึ้น
กรดไขมันโอเมก้า 3 ในอาหารทะเลและปลาทะเลน้ำลึก เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อสมอง สุขภาพหัวใจ และระบบภูมิคุ้มกัน มีรายงานว่าการกินปลาหลายครั้งใน 1 สัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเครียดและช่วยป้องกันจอประสาทนัยน์ตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น อันเป็นสาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นได้ แต่ถ้าคุณไม่ชอบกินปลา ลองอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ EPA / DHA วันละ 450-500 มก.
5. ตรวจชีพจรตัวเอง
อยากให้คุณลองเป็นหมอด้วยวิธีตรวจชีพจรตัวเองง่ายๆ เป็นประจำ แค่ทาบนิ้วชี้หรือนิ้วโป้งพร้อมกับนิ้วกลางที่ด้านในของข้อมือ กดเบาๆ นับไป 60 วินาที หรือนับ 30 วินาทีแล้วคูณด้วย 2 อัตราการเต้นหัวใจของคนทั่วไปอยู่ระหว่าง 60-100 ครั้งต่อนาที ยิ่งร่างกายคุณแข็งแรงเท่าไร อัตราการเต้นของหัวใจก็จะยิ่งน้อย ใน เป็นไปได้บ้างที่บางครั้งชีพจรอาจเต้นไม่สม่ำเสมอ แต่ถ้าชีพจรของคุณเต้นผิดปกติติดต่อกันช่วงเวลาหนึ่งแล้ว คุณอาจมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการหลอดเลือดสมองตีบได้ ควรปรึกษาแพทย์
6. พยายามกำจัดความเครียด
จากผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาล่าสุดพบว่าความเครียดสามารถเปลี่ยนความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ได้ ความเครียดนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของจุลชีพในลำไส้ ทั้งประเภทความหลากหลาย และปริมาณของจุลชีพ ผลก็คือทำให้กลุ่มแบคทีเรียในลำไส้มีความหลากหลายน้อยลง และปริมาณของแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกายจะเพิ่มปริมาณขึ้นเพราะความเครียดยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
7. ยืดเส้นยืดสาย
รู้ไหมว่าการเคลื่อนไหวที่ถูกท่าจะช่วยป้องกันอาการปวดหลัง หลังของคนเราถูกสร้างมาเพื่อเคลื่อนไหวได้ 6 ทิศทาง นั่นคือ เคลื่อนไปข้างหน้า ข้างหลัง หมุนซ้าย หมุนขวา เอนไปทางซ้าย และเอนไปทางขวา โดยที่สามารถเคลื่อนไหวได้ทีละทิศทางเดียว วิธีป้องกันอาการปวดหลังก็คือ ยืดเส้นยืดสายไปทั้ง 6 ทิศ อย่างน้อยวันละครั้ง

 
 

 

+ ดื่มน้ำมะเขือเทศ…อายุยืนเพิ่มขึ้น
 

น้ำมะเขือเทศอุดมไปด้วยสารไลโคปีน ซึ่งเป็นสารแอนติออกซิแดนต์ชั้นดี แถมยังมีกรดน้อยกว่าน้ำผลไม้ทั่วไปที่อาจทำลายฟัน นอกจากนี้น้ำมะเขือเทศจะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าสดใสไปตลอดทั้งวัน รวมถึงเป็นเจ้าของผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลอีกด้วย  

 


 
 

 

 
 

 



 

 

 

 

 

 

   

 

 
 


 
 
 

Copyright © นิตยสารคู่หูเดินทาง / MJ Media Company Limited