ภัยใกล้ตัว
 
 

มันยังไม่ตาย ไอ้วายร้ายจอมดูด!
 

      

    

       หลายคนอาจสงสัย 'มัน' ที่ว่านี้คืออะไร ? เอเลี่ยนตัวใหม่.. ปลิงควายใต้น้ำ.. เจ้าซัคเกอร์ปลามหาภัย.. หรือว่าพ่อบุญทุ่มผู้ชอบอุ้มนักการเมืองพรรคคู่แข่ง?!? ไม่ต้องเดาให้เสียวสันหลังวาบกันไปไกลถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพราะมันที่ว่าก็คือเหล่า 'สกิมเมอร์' (Skimmer) หรือแก๊งนักโจรกรรมข้อมูลบนบัตรเอทีเอ็ม ที่เคยตกเป็นข่าวใหญ่ให้เราท่านอกสั่นขวัญหาย กับการออกไปกดเงินสดจากตู้เบิกจ่ายเงินอัตโนมัติของธนาคารต่างๆ เมื่อหลายเดือนก่อนนั่นไง “ยัง ฉันยังไม่ตาย...” หากปะหน้ากันจังๆ มันคงร้องดังให้เจ็บใจอย่างนี้ ตราบเท่าที่โลกของเทคโนโลยียังคงหมุนติ้วไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย วายร้ายสมองใสพวกนี้ย่อมหาหนทางที่จะเขมือบเงินในกระเป๋าเหยื่ออย่างเราท่านได้อย่างแยบคายเสมอ

       จากคราวก่อนที่กลุ่มก๊วนเทือกนี้สร้างอุปกรณ์สกิมมิ่ง (Skimming) สำหรับใช้ดูดกวาดฐานข้อมูลจากบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มไปครอบติดไว้บนช่องเสียบบัตร พร้อมๆ กับติดตั้งแผงบันทึกการกดรหัสของเจ้าของบัตรไว้บนแป้นตัวเลขของเครื่องเอทีเอ็ม จนตกเป็นข่าวครึกโครมกันไปแล้วนั้น มาคราวนี้มันมีดี (จริงๆ ต้องว่าเลว) มาทำให้เราท่านอกสั่นขวัญหนีกันอีกรอบ กล่าวคือเทคโนโลยีสกิมมิ่งของพวกมันได้ถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่กะทัดรัด และทรงประสิทธิภาพมากขึ้น หนำซ้ำยังมีความสามารถในการพลางตัวเป็นเลิศ ขนาดที่ว่าผู้นำเจ้าอุปกรณ์พวกนี้ไปใช้สามารถซุกซ่อนไว้ใต้ผืนเน็คไทหรือในอุ้งมือของตัวเองได้อย่างแนบเนียน อธิบายเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะทำให้ขนแขนของใครชูชันกันบ้างหรือเปล่า?!? คนที่คอยกังวลแต่กับเจ้าเครื่องสกิมมิ่งรูปร่างเก่าๆ คงไม่ทันสังเกตเห็นมหันตภัยทางการเงินรูปแบบใหม่ซึ่งอาจกำลังยืนรอท่าอยู่เบื้องหลังของเราท่าน ณ ขณะนี้ ใครคนนั้นอาจเป็นหนุ่มนักธุรกิจท่าทางภูมิฐาน ใครคนนั้นอาจเป็นหญิงสาวใบหน้าพริ้มเพรา หรือใครคนนั้นอาจเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาดน่าซื่อน่าคบหา แต่ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นใคร พึงระลึกไว้เสมอ..หากไม่ระวังตัวหรือเหยียบย่างอยู่บนความประมาทนั่น อาจเป็นเหตุทำให้ตัวเองสูญทรัพย์เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่อึดใจ

       สิ่งที่ 'ภัยใกล้ตัว' ฉบับนี้นำมากล่าวอาจไม่ใช่ทุกรูปแบบหรือกลโกงของมิจฉาชีพกลุ่มนี้ แต่เราเชื่อว่ามันอาจมีประโยชน์ต่อท่าน ณ เสี้ยววินาทีหนึ่งในอนาคตหากมีอันต้องเผชิญ! แม้เทคโนโลยีการสกิมมิ่งรุ่นใหม่ไม่จำเป็นต้องนำอุปกรณ์การดูดกวาดข้อมูลจากบัตรประเภทนี้ไปติดตั้งไว้บริเวณตัวเครื่องเอทีเอ็มให้เป็นที่ผิดสังเกต เนื่องจากสามารถพกติดกับตัวไว้ได้เลย แต่ก็ยังต้องอาศัยกลลวงต่างๆ ให้ได้ซึ่งบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อมาอยู่ในมือหรือใกล้จุดที่ซ่อนอุปกรณ์มากที่สุด เพื่อให้เครื่องดังกล่าวสามารถอ่านและบันทึกข้อมูลในบัตรของเหยื่อไว้ได้ ผู้เสียหายหลายคนที่ตกเป็นเหยื่อการสกิมมิ่งแบบใหม่ให้ข้อมูลใกล้เคียงกันว่า เหล่ามิจฉาชีพพวกนี้มักแฝงมาในรูปของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บ้างอยู่ในรูปของพนักงานออฟฟิศ-นักธุรกิจ และบ้างอยู่ในคราบนักศึกษา พฤติการณ์ที่คล้ายกันอีกอย่างของแก๊งพวกนี้คือ มักเลือกเหยื่อที่กดเงินจากตู้เอทีเอ็มในย่านที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ไม่ใช่จุดซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารเจ้าของเครื่องเอทีเอ็มนั้นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบันทึกภาพด้วยกล้องวงจรปิด และช่วยลดความหวาดระแวงของเหยื่อ ครั้นเมื่อเจอเหยื่อที่ต้องการแก๊งสกิมมิ่งพวกนี้จะรีบเข้าไปต่อคิวแสร้งว่ารอใช้บริการจากเครื่องเอทีเอ็มเช่นเดียวกัน ในระหว่างนั้นหากพวกมันสามารถลอบมองการกดรหัสบัตรเอทีเอ็มของเหยื่อได้ ก็จะรีบทำโดยไม่รีรอ กรณีนี้หากเหยื่อเป็นผู้ที่มีความระวังตัวสูงหรือไม่มีจังหวะในการแอบมอง คนอื่นๆ ในแก๊งเดียวกันก็จะทำหน้าที่นี้แทนซึ่งมีปรากฏให้เห็นอยู่หลายวิธี ทั้งการลอบมองจากจุดซ่อนตัวอื่นๆ การใช้กล้องส่องทางไกล และแม้กระทั่งการใช้กล้องวิดีโอวงจรปิดขนาดจิ๋วแบบส่งสัญญาณในระยะใกล้ที่ซ่อนไว้ตามกล่อง หรือซองแผ่นพับใบปลิวที่มักมีผู้นำมาติดไว้บนตัวเครื่องเอทีเอ็ม เหยื่อหลายรายที่ไม่ทันสังเกตเห็นอุปกรณ์หรือพฤติการณ์ลักษณะนี้ ก็มักเสียทีให้กับแก๊งสกิมเมอร์โดยง่าย หลังจากเหยื่อทำธุรกรรมทางการเงินของตัวเองเสร็จ และทำท่าจะเดินออกจากเครื่อง แก๊งมิจฉาชีพพวกนี้จะรีบทำเป็นสอดบัตรปลอมของตัวเองเข้าไปทันที หลังจากนั้นก็จะรีบส่งเสียงเอะอะโวยวายว่าทำไมบัตรของเขาใช้บริการต่อจากเหยื่อไม่ได้ เป็นเพราะเหยื่อเลือกคำสั่งหรือทำอะไรผิดขั้นตอนหรือเปล่า แก๊งมิจฉาชีพที่แฝงมาในรูปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ มักแสดงท่าทีขอความช่วยเหลือจากเหยื่อ บ้างแสดงความไม่เข้าใจกับระบบเอทีเอ็มของบ้านเราหรือขนาดบัตรที่อาจต่างกัน เมื่อเหยื่อหลงเชื่อหรือแสดงความเห็นใจ พวกมันก็จะใช้ไม้เด็ดเพื่อให้ได้บัตรของเหยื่อมาอยู่ในมือตัวเองทันที โดยมักอ้างว่าขอเทียบกับขนาดบัตรเอทีเอ็มของตัวเองหรือเทียบความแตกต่างระหว่างบัตรทั้งสอง ในจังหวะนี้เองที่แก๊งมิจฉาชีพมักจะหาจังหวะหันหลังให้กับเหยื่อ เพื่อนำบัตรดังกล่าวแอบรูดผ่านเครื่องสกิมมิ่งที่ซ่อนอยู่หลังเน็คไทหรือฝ่ามือ เพียงชั่วเสี้ยววินาทีข้อมูลจากบัตรที่จำเป็นต่อการนำไปปลอมแปลงขึ้นมาใหม่ ก็จะถูกถ่ายโอนเข้าไปเก็บไว้ในตัวเครื่องสกิมมิ่ง หลังจากนั้นแก๊งมิจฉาชีพก็จะทำเป็นส่งบัตรคืนให้กับเหยื่อ และหาทางปลีกตัวไปในทันที ข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุด้วยว่า เครื่องสกิมมิ่งรุ่นใหม่มีหน่วยความจำขนาดเล็กในตัว สามารถบันทึกข้อมูลได้คราวละ 40-50 ครั้ง ซึ่งนั่นก็เหลือเฟือแล้วสำหรับการลงมือครั้งละ 1-2 ชั่วโมง ทั้งนี้หากแก๊งมิจฉาชีพพวกนี้นำข้อมูลภายในบัตรของเหยื่อรายที่ค่อนข้างมั่นใจไปถ่ายโอนลงในบัตรเอทีเอ็มที่ปลอมเตรียมไว้แล้ว และนำไปเช็คยอดเงินคงเหลือในบัญชีพร้อมกับกดเงินออกไปทันที ว่ากันว่าระยะเวลาในการลงมือปฏิบัติการแต่ละครั้ง อาจเร็วกว่าการรับประทานก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชามเสียด้วยซ้ำไป!?! กว่าจะรู้ตัวว่าเงินหายไปจากบัญชี แก๊งสกิมเมอร์พวกนี้ก็หายตัวไปไกลแล้ว

       "การไล่จับย่อมช้ากว่าการวิ่งหนีอยู่หนึ่งก้าวเสมอ" ฉันใดก็ฉันนั้น..การหาเทคโนโลยีมาป้องกันการสกิมมิ่งบัตรเอทีเอ็ม จึงต้องรอให้ผู้เกี่ยวข้องมาทำหน้าที่นี้ต่อไป แต่ในฐานะที่อาจตกเป็นเหยื่อเข้าสักวัน เราประชาชนตาดำๆ คงต้องหาหนทางป้องกันตัวเองไว้ก่อนเท่าที่จะทำได้ อาทิ..

  1. พยายามเลือกใช้บริการจากตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่หน้าธนาคารหรือจุดที่มั่นใจว่ามีกล้องวิดีโอวงจรปิด
  2. พยายามสังเกตตัวเครื่องเอทีเอ็มก่อนใช้บริการทุกครั้ง ว่ามีสิ่งผิดปกติใดติดตั้งอยู่บนเครื่องหรือใกล้ๆ ตัวเครื่องไหม ถ้าไม่แน่ใจควรหลีกเลี่ยงไปใช้ตู้อื่นแทน
  3. สร้างความเคยชินกับตัวเองทุกครั้งว่าก่อนกดรหัสประจำบัตร ต้องยกมือหรือนำวัตถุใดๆ ก็ตามมาปกปิดเพื่อป้องกันการถูกลักลอบดู
  4. ไม่ควรมอบบัตรเอทีเอ็มของตัวเองให้กับบุคคลแปลกหน้าอย่างเด็ดขาด โดยเฉพาะบริเวณหน้าตู้เอทีเอ็ม
  5. หมั่นเช็คยอดเงินคงเหลือในบัญชีทุกครั้งก่อนใช้บริการฝาก-ถอนเงิน เพื่อตรวจสอบมูลค่าคงเหลือให้ถูกต้องกับความเป็นจริง
  6. หากพบพฤติกรรมหรือสิ่งผิดปกติใดๆ ระหว่างการใช้บริการ รีบแจ้งธนาคารหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทันที เพื่อช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดทั้งต่อตัวเองและผู้อื่น


 
 
 

Copyright © นิตยสารคู่หูเดินทาง / MJ Media Company Limited