ภัยใกล้ตัว
 
 

‘รู้ทันกลโกง’ งานลวงทางอินเตอร์เน็ต
 

      

 

“ทำงานที่บ้านสบายๆ รายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท”
“รวยได้ภายใน 2-5 ปี ทำงานสบายๆ ถูกต้องตามกฎหมาย”
“ใช้เวลาทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตเพียงวันละไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถทำให้คุณมีรายได้ถึง 100,000บาท/เดือน”


       หลายคนคงเคยได้ยินประโยคสร้างวิมานเหล่านี้บนหน้าจอ อินเตอร์เน็ตหรือไม่ก็ตามหน้าโฆษณาหนังสือประเภทก๊อซซิปดาราเช่นเดียวกับฉัน แล้วก็เป็นฉันอีกคนหนึ่งเหมือนกันที่อ่อนใจเดินไปให้ขบวนการเหลือบมนุษย์พวกนี้หลอกเอาจนเกือบต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งคน ทั้งที่เฉลียวใจแต่แรกอยู่แล้วว่าในโลกนี้มันจะมีงานสบายๆ เงินดีแบบนี้ด้วยหรือ? สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันพลาดท่าเสียทีให้กับขบวนการพวกนี้ก็เห็นจะมีก็แต่ ‘เงิน’ ตัวเดียว เพราะเงินที่ฉันเคยมีใช้มันอย่างฟุ่มเฟือย ผ่านบัตรเครดิตสวยหรูเหล่านั้นมีอันต้องสะดุดเข้าอย่างจังกับคำว่า.. บัตรเต็ม หนี้ชน และคนทวงหนี้ ฉันกลับอ่อนใจไร้ความคิดให้กับธุรกิจ Work@Home เทือกนี้ ไม่นานหลังจากกรอกข้อมูลและประวัติส่วนตัวลงไปในแบบสอบ ถามจากเว็บแนว Work@Home แห่งหนึ่งแล้ว ฉันก็ได้รับการติดต่อผ่านทางอีเมลให้ไปเข้าร่วมการสัมมนาแนวทางการดำเนินธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตงานและการเงินของฉันไปชั่วนิรันด์ นี่คือประโยคแห่งสวรรค์ที่จะฉุดฉันขึ้นจากทะเลแห่งความทุกข์ท้อ

       เมื่อเหยียบยืนอยู่บนผืนพรมสวยหรูของโรงแรมดังแห่งหนึ่งพร้อมด้วยผู้คนอีกเจียนครึ่งพัน บัดนี้ความคิดลังเลที่ว่าจะถูกหลอกได้ถูกกิเลสตัณหาพังทลายลงราบ คาบ ชายหนุ่ม-หญิงสาวอายุไม่เกินในราว 35 ปี เช่นฉัน มีทั้งบุรุษและสตรีในชุดสูทสากลภูมิฐานหลายสิบคนพลัดกันเดินทักทายเจนเนอเรชั่นใหม่กันอย่างคึกคัก ไม่นานบท เพลงในท้วงทำนองปลุกเร้าก็กระหึ่มดังขึ้นพลัน ชาย-หญิงในชุดสูทพากันออกมาปรบมือต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่น ก่อนที่แผนการดำเนินธุรกิจประเภทนี้จะถูกร่ายโดยชายผู้มีบุคลิกน่านับถือคนหนึ่ง จากนั้นจึงเป็นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งเคลิบเคลิ้มตามไปอย่างสุดหัวใจ แม้สินค้าแต่ละชนิดจะมีราคาแพงระยับจนจับไม่ลงก็ตาม ทุกครั้งที่วิทยากรพูดจบเสียงปรบมือของเหล่าทีมงานจะกราวดังสาดสลับไปพร้อมๆ กับประโยค สุดยอด! ยอดเยี่ยม! พวกคุณก็ทำได้! อยู่ตลอดเวลา จากนั้นช่วงเวลาสำคัญก็ตามประชิดเข้ามาอย่างไม่เปิดโอกาสให้ได้หายใจ ชายและหญิงกลุ่มเดิมทยอยเรียงแถวเดินขึ้นไปตอกย้ำบนเวทีอันโอ่อ่าว่า พวกเขาสามารถสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์พวกนี้อย่างเป็นกอบเป็นกำทุกเดือน บ้างสองแสน บ้างสี่แสน และบ้างเรือนล้าน พระเจ้า! นี่มันอาชีพในฝันของมนุษยชาติชัดๆ แม้จะรู้ว่าที่สุดของการชักชวนคนเข้ามาฟังการสัมมนาในครั้งนี้ย่อมหนีไม่พ้นเรื่องของการขายสินค้า แต่ด้วยตัวเลขรายได้อันแสนยั่วยวนใจจากผู้คนจำนวนมากที่ต่างตะกายขึ้นไปอวดอ้างรายได้ ทำให้เวลานี้ฉันไม่จำต้องใคร่ครวญอะไรให้มากความอีกแล้วว่าจะกระโจนลงไปในวังวนธุรกิจนี้ด้วยหรือไม่ - ที่ขัดข้องอยู่บ้างบางอย่างก็ตรงค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่จะนำฉันไปถึงฝั่งฝันเท่านั้น!

       ข้อมูลจากสตรีในชุดสูทสีเข้มผู้เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ (Supervisor) อธิบายว่าฉันต้องเสียค่าสมัครสมาชิกในการเริ่มลงทุนกับธุรกิจนี้เป็นเงินประมาณพันกว่าบาท และค่าฝึกอบรมเกี่ยวกับสินค้าต่างๆ อีกครั้งละพันกว่าบาท ในทันทีที่สมัครฉันจะได้รับสิทธิในการเลือกว่าต้องการจะเข้าเป็นผู้ร่วมกับธุรกิจนี้ในระดับไหน กล่าวคือ.. ระดับ 1 จะได้รับส่วนลดในการซื้อสินค้า 25% สำหรับการเป็น Distributor ทั่วไป และระดับ 2 จะได้ส่วนลดถึง 50% แต่นั่นหมายความว่าฉันจะต้องทำยอดขายให้ได้ประมาณ 130,000 บาท หรือ 44 ชุด/เดือน (เฉลี่ยราคาชุดละประมาณ 3,000 บาท) ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ถ้าหากฉันมีความสามารถในการหาลูกค้าทางหน้า จออินเตอร์เน็ตขั้นเทพ หรือไม่ก็เอาไปขายให้เพื่อน ขายให้ญาติพี่น้อง หรือขายให้เพื่อนร่วมงาน ถ้าหากทำได้ฉันจะได้กำไรจากส่วนลดถึงเกือบ 60,000 กว่าบาททีเดียว! เมื่อเธอร้อยประโยคไล่มาถึงท่อนนี้ ฉันก็ตาลุกเป็นไฟขึ้นมาทันที! ปัญหาสารพัดสามารถมองข้ามช็อตผ่านไปได้ด้วยตัณหาแค่คำว่า ‘เงิน’ - ฉันแกล้งขอตัวซูเปอร์ไวเซอร์ออกมารับโทรศัพท์ด้านนอกห้องเพื่อที่จะทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง อย่างร้อนรน... ฉันรีบกดโทรศัพท์มือถือกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่ออธิบายให้พ่อรับรู้ถึงแผนการลงทุนทำธุรกิจครั้งแรกในชีวิตของฉัน ปลายสายที่นิ่งเงียบอยู่พักใหญ่จึงค่อยๆ ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของครอบครัวเรานะลูก ถ้าเห็นว่าดีพ่อก็จะเอาโฉนดไปฝากไว้กับเถ้าแก่ ยังไงพ่อก็เชื่อใจเอ็ง ตั้งใจทำงานเก็บเงินไปใช้หนี้เขาซะนะ พ่อกับแม่จะได้หมดห่วง” ไม่ทันที่จะขยับริมฝีปากเอ่ยขอบคุณพ่อ เสียงคุยขรมของใครสักคนก็ดังแว่วเข้ามาในห้องน้ำ ในความคุ้นชินของสุ้มเสียงเหมือนฉันจะได้ยินประโยคนั้น “ไง! เหยื่อของเธอคนเมื่อกี๊งับเบ็ดไหมล่ะ เดือนนี้ก็หวานหมูแล้วสิ ระบาย ของได้ตั้ง 44 ชุด แถมได้ส่วนแบ่งอีกเป็นหมื่น” คู่สนทนาเอ่ยขึ้น “น่าจะไม่พลาด นี่สงสัยมันจะโทรไปหาเงิน ก็พวกติดหนี้บัตรเครดิตทั้งนั้น หนอยหวังจะมาหาเงินง่ายๆ โง่จริงๆ นังพวกนี้ ต้องหลอกให้มันไปหาเหยื่อลูกโซ่มาให้เราอีก” หล่อนทิ้งเสียงหนักที่ประโยคสุดท้ายก่อนหัวเราะร่วน “เธอนี่ร้ายจริงๆ” คู่สนทนาคนเดิมกระเซ้า “แหม... จำไม่ได้หรือเมื่อก่อนเราก็ถูกไอ้พวกที่อยู่บนยอดปิรามิด หลอกกินกันอย่างนี้เหมือนกันนั่นแหล่ะ ตอนนี้ถึงตาฉันเอาคืนบ้างแล้ว”
บานประตูที่ถูกถอดสลักออกอย่างเบามือที่สุดค่อยๆ แง้มออกเพื่อให้เห็นร่างของคู่สนทนาคู่นั้น - คาดไม่ผิด หนึ่งในสองคนนั้นคือสตรีสาวใหญ่ในชุดสูทสีเข้มผู้เป็นซูเปอร์ไวเซอร์ของฉันเอง!

       บัดนี้แม้เลือดจะฉีดซ่านขึ้นหน้าด้วยแรงโมโหอย่างสุดกำลังในเกมโกงของเหล่าวายร้ายในคราบสูท หากแต่แวบหนึ่งในความโกรธเกรี้ยวนั้น ฉันได้ยินเสียงหนึ่งของพ่อดังขึ้นอีกครั้ง “..ยังไงพ่อก็เชื่อใจเอ็ง ตั้งใจทำงานเก็บเงินใช้หนี้เขาไปซะนะ พ่อกับแม่จะได้หมดห่วง” สิ่งที่ฉันเคยสงสัยว่า.. งานง่ายๆ ทำวันละแค่ไม่กี่ชั่วโมงได้เงินเดือนเดือนละเป็นแสนๆ มีจริงหรือ? ถึงวันนี้ฉันได้รับคำตอบแล้ว และถึงแม้รายได้นั้นจะดีจริง แต่ฉันก็จะไม่มีวันยอมทำมันเด็ดขาดกับงานที่ต้องหลอกคนอย่างเลือดเย็นแบบนี้



 
 
 

Copyright © นิตยสารคู่หูเดินทาง / MJ Media Company Limited